เส้นทางคืนสู่สุขภาวะ นายกัมพน แก้วก่ำ

ผมเกิดในครอบครัวชนชั้นกลางที่พ่อแม่มีบุตรหลายคนไม่สามารถเลี้ยงผมได้และได้ส่งผมไปอยู่กับป้าที่ต่างจังหวัด ครอบครัวป้าเป็นครอบครัวชนบทที่อบอุ่นมาก ผมอยู่กับป้าจนเรียนจบชั้นประถมศึกษา ป้าได้ส่งผมกลับมาหาครอบครัวที่กรุงเทพฯเพื่อได้รับการศึกษาที่ดี แต่ผมไม่สามารถเข้ากับเหล่าพี่น้องได้เลย ผมมีเรื่องทะเลาะกับพี่น้องเป็นประจำ ไม่มีใครเข้าข้างผม ผมเป็นแกะดำ ถูกเด็กๆข้างบ้านกลั่นแกล้งอยู่เสมอ เป็นเวลาหลายปีที่ผมรู้สึกเก็บกด กดดัน น้อยใจและเสียใจมาก บอกใครไม่ได้

เมื่อผมเรียนจบชั้นมัธยมปลายตอนอายุ 18 ปี ลูกของป้ากลับมาจากประเทศอังกฤษเพื่อเยี่ยมบ้าน เขาแนะนำว่าผมสามารถไปอยู่ประเทศอังกฤษสามารถทำงานไปและเรียนไปได้ ผมอยากเป็นอิสระที่ไม่ต้องพึ่งพาครอบครัวอีกต่อไป ผมจึงตัดสินใจไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ โดยขอเงินทางบ้านเป็นก้อนสุดท้ายก้อนหนึ่งเดินทางไปเรียน แต่ความเป็นจริงไม่ได้สวยงามอย่างที่ฝันไว้ ผมต้องเจอกับ Culture shock ทุกอย่างแตกต่างจากประเทศไทย ตั้งแต่สภาพอากาศ การกินอยู่ ภาษา ผู้คน ความคิดความอ่าน ผมทำงานเป็นเด็กล้างจานในตอนกลางคืน และเรียนหนังสือตอนกลางวัน รายได้ไม่เพียงพอค่าใช้จ่าย สุดท้ายต้องให้ที่บ้านช่วยส่งค่าเทอม ผมเรียนอยู่ 7 ปีจนเรียนจบปริญญาโท แบกรับความกดดันมาตลอด ผมไม่ได้ชอบที่นั่นเลย

กลับมาเมืองไทย ผมทำงานได้ระยะหนึ่ง พอดีเป็นช่วงฟองสบู่แตก วิกฤตต้มยำกุ้ง ผมถูกปลดออกจากงาน ผมส่งใบสมัครงานไปกว่า 200 บริษัท แต่ไม่มีบริษัทใดรับเข้าทำงานเลย ผมเริ่มเข้าหาศาสนา นั่งสมาธิและปฏิบัติธรรมอยู่หลายปี จนเกิดอาการหลงผิดว่าผมได้บรรลุธรรมแล้ว เป็นผู้วิเศษ มีพลังจิต เป็นพระโสดาบัน แต่มีพวกมารคอยที่จะเล่นงาน ผมเดินทางหนีไปทั่วประเทศ อาศัยพักอยู่ตามวัดกรรมฐาน จนเจ้าอาวาสวัดหนึ่งบอกผมให้กลับมาเยี่ยมบ้าน ผมถูกจับส่งโรงพยาบาลศรีธัญญา คุณหมอบอกว่าผมเป็นโรคจิตเภท ที่นี่มีหลายคนเป็นแบบเดียวกับที่ผมเป็น

ผมรู้จักกับสมาคมสายใยครอบครัวจากคุณหมอสมรัก ชูวานิชวงศ์ และได้เข้าเรียนหลักสูตรพัฒนาสุขภาวะ ทำให้ได้รับความรู้มากมายเกี่ยวกับโรคจิตเวชที่ผมเป็น ได้เข้าร่วมกิจกรรมตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ สร้างความรู้สึกดีมาก เพราะเป็นหลักสูตรที่มีทั้งสาระและบันเทิง เมื่อจบแล้วความคิดและความรู้สึกผมเปลี่ยนไป เข้าใจโรคมากขึ้น มีรอยยิ้มมากขึ้น ที่สำคัญทางสมาคมสายใยครอบครัวได้เปิดโอกาสให้ผมทำงานที่นี่ ทำให้ผมมีเป้าหมายในชีวิตและเรียนรู้ในการพัฒนาตนเองในทางที่ดีขึ้นทุกๆวัน ผมรู้สึกดีที่มีคนเข้าใจและให้โอกาสได้ทำงาน ผมได้ช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาเดียวกับผม ขอบคุณมูลนิธิสายใยครอบครัวเพื่อฟื้นคืนคนดีที่ให้การสนับสนุนการจ้างงานของผม ทำให้ผมสามารถยืนขึ้นมาได้และสามารถพึ่งพาตนเองไม่เป็นภาระให้กับครอบครัวของผมอีกต่อไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *